คอลลาเจนเปปไทด์ ทำความรู้จักและเจาะลึกเรื่องคอลลาเจน
คอลลาเจนเปปไทด์ ดีไหม ช่วยอะไรบ้าง? ในยุคสมัยที่อะไรๆก็ต้องผิวขาวไว้ก่อนไม่ว่าจะเป็นหนุ่มๆหรือสาวๆ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต่างหันมาให้ความสนใจกับเรื่องการบำรุงผิวพรรณกันมากขึ้น เพราะเป็นสาเหตุอันดับต้นๆที่ช่วยสร้างเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการพบปะผู้คนหรือถ่ายรูปกับเพื่อนๆคงไม่มีใครที่อยากดูไม่ดีใช่ไหมล่ะคะ … คอลลาเจนเปปไทด์
ฉะนั้นตัวช่วยที่หลายคนคุ้นเคยคงหนีไม่พ้น Collagen ด้วยเพราะเป็นสารอาหารยอดฮิตที่สามารถเข้าไปช่วยบำรุงผิวพรรณของสาวๆให้ดูสดใส อ่อนวัย และมีผิวขาวกระจ่างใสขึ้น เราจึงมักได้ยินสรรพคุณต่างๆนานาของคอลลาเจน
อย่างไรก็ตามเคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าคอลลเจนที่ได้ยินบ่อยๆทั้งในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือในอาหารเสริมจะมีคำว่าคอลลาเจนเปปไทด์เข้าหูมาบ้าง นอกเหนือจากคอลลาเจนปกติเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นเรามาลองดูกันดีกว่าว่าเจ้าคอลลาเจนสองคำนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร
Collagen คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ภายในร่างกายทำหน้าที่ในการประสานโครงสร้างต่างๆของร่างกายเข้าด้วยกัน ซึ่งร่างกายของเรามีคอลลาเจนมากถึง 1 ใน 3 ของโปรตีนทั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย ส่วนมากจะพบที่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น รวมทั้งอวัยวะอื่นๆ โดยผิวหนังมีคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบถึง 70% จึช่วยให้ผิวพรรณสดใส เรียบตึง นุ่มชุ่มชื้น แถมไม่หย่อนคล้อยอีกด้วย
ส่วน Collagen Peptide คือ คอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยจากเอนไซม์ จนทำให้มีขนาดโมเลกุลที่เล็กมากๆ ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าคอลลาเจนในรูปแบบอื่น ซึ่งคอลลาเจนเปปไทด์มีส่วนช่วยทำให้ผิวสวย ใส เต่งตึง เป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลายๆคนปรารถนา
– ความแตกต่างของคอลลาเจนเปปไทด์และคอลลาเจนรูปแบบอื่น ??
อย่างที่ทราบกันว่าคอลลาเจนเปปไทด์มีขนาดโมเลกุลที่เล็กมากๆโดยมีขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่าคอลลาเจนธรรมชาติทั่วไปมากถึง 1,000 เท่า จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าคอลลาเจนประเภทอื่นๆ และส่งตรงได้ถึงผิวหนังของชั้นหนังแท้ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังทนต่อความร้อน ละลายน้ำเย็นได้ดี ง่ายต่อการรับประทานมีได้หลายรูปแบบ ทั้งการทานแบบผงและเม็ด, การฉีด เป็นต้น
– ประโยชน์ที่ได้จากคอลลาเจนเปปไทด์
โดยปกติแล้วเมื่อคนเรามีอายุเกินกว่า 25 ปี ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่างจะต้องสูญเสียคอลลาเจนไปโดยเฉลี่ย 1.25-1.50 / 1 ปี ที่สำคัญผู้หญิงจะลดลงมากกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการสูญเสียคอลลาเจนมากขึ้นเมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 40 ปี หรือจากมลภาวะต่างๆที่ต้องเผชิญ ทั้งแสงแดด ฝุ่น และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
เมื่อระดับของคอลลาเจนลดลงก็จะทำให้ความยืดหยุ่นและสภาพความแข็งแรงของโครงสร้างอวัยวะต่างๆของร่างกายก็จะลดลงไปด้วย ส่งผลต่อการสูญเสียความแข็งแรงของผิวหนัง จึงทำให้เกิดรื้วรอย รอยเหี่ยวย่น ผิวแห้งกร้าน ฉะนั้นการที่จะยืดอายุให้กับผิวคงสภาพเราจึงต้องเติมเต็มคอลลาเจนเพื่อคืนความยืดหยุ่นให้กับร่างกายและผิวพรรณให้กลับมาสดใส ริ้วรอยลดลง โดยการเลือกทานคอลลาเจนเปปไทด์ ให้เข้าาไปช่วยบำรุงเรื่องต่างๆดังนี้
1. ประโยชน์ด้านผิวพรรณ
หากคุณรับประทานคอลลาเจนเปปไทด์ในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 4-8 สัปดาห์ จะสามารถป้องกันและช่วยลดรอยหมองคล้ำที่มีต้นเหตุมาจากรังสี UV ไม่เพียงเท่านั้นคุณยังสามารถสัมผัสได้ว่าผิวมีความนุ่มลื่น, ชุ่มชื้นเปล่งประกาย, เติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นเรียบเนียน, จุดด่างดำค่อยๆดูจางลง,
ช่วยให้ผิวกระชับพร้อมกับยืดหยุ่นขึ้น และเพิ่มการผลิตกรดไฮยาลูโรนิคเพื่อกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ในผิวหนังชั้นใน
2. ประโยชน์ด้านข้อต่อและกระดูก
จากการวิจัยพบว่าคอลลาเจนเปปไทด์สามารถยับยั้งการเสื่อมของคอนโดรไซต์ และกระตุ้นการสร้างไกลโคสะมิโนไกลแคนทำหน้าที่สร้างสารหล่อลื่นในข้อต่อ นอกจากนั้นยังสารถป้องกันกระดูกอ่อน ข้อต่อ และเนื้อกระดูกไม่ให้ถูกทำลาย พร้อมยังช่วยลดอาการปวดเข่าจากการเสียดสีของกระดูก
ซึ่งมักพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยการทานคอลลาเจนเปปไทด์ปริมาณ 10 กรัมต่อวัน เป็นระยะเวลา 45 วันเท่านั้น แถมสามารถช่วยบำรุงสุขภาพเล็บให้แข็งแรง, เพิ่มความหนาของเส้นผมไม่ให้เส้นผมหลุดร่วง และสายตา
3. ประโยชน์ด้านการรักษารอยแผลเป็น
มีผลการทดลองยืนยันว่าคอลลาเจนเปปไทด์สามารถรักษารอยแผลเป็นอย่างเห็นผลชัดเจน ด้วยการทานปริมาณ 10 กรัมต่อวัน แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตอนเช้า 5 กรัม และตอนเย็น 5 กรัม เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ จะพบว่ารอยแดงของแผลเป็น มีขนาดเล็กลง จุดด่างดำค่อยๆจางลงอย่างต่อเนื่อง
ฉะนั้นสามารถสรุปได้ว่าการเลือกทานคอลลาเจนเปปไทด์จะได้ประโยชน์และประสิทธิภาพเต็มที่มากกว่าการทานคอลลาเจนรูปแบบอื่นแต่เพื่อความปลอดภัยควรเลือกทานคอลลาเจนเปปไทด์บริสุทธิ์ที่มาจากปลาทะเลธรรมชาติ โดยไม่มีสารเคมีปนเปื้อน ไม่โดนตัดแต่งพันธุกรรม และเป็นปลาทะเลตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่คงตามสภาพเดิม รวมไปถึงขั้นตอนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน
นอกจากนั้นควรเลือกคอลลาเจนเปปไทด์บริสุทธิ์ ที่ประกอบไปด้วยโปรตีนมากที่สุด และมีสารสำคัญที่ครบถ้วน อย่างเช่น ไกลซีน (Glycine) ซึ่งคือกรดอะมิโนที่เป็นส่วนประกอบหลักของคอลลาเจนในร่างกาย เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดคะ
คอลลาเจนแบบชง ดีกว่าคอลลาเจนเม็ด เพราะอะไร?
คอลลาเจนแบบชง ดีกว่าคอลลาเจนเม็ด เพราะอะไร? เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่ต้องการผิวเรียบเนียน เปล่งปลั่ง ดูมีน้ำมีนวล เพราะเหตุนี้สาวๆถึงมองหาตัวช่วยอย่างคอลลาเจนมาทานเสริมกัน ทั้งนี้การทานคอลลาเจนก็ใช่ว่าจะได้ประโยชน์เหมือนกันเสมอไป เพราะกว่าคอลลาเจนจะเข้าสู่ร่างกายได้ก็ต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร และใช้เวลาในการเสริมสร้างเซลล์ให้ผิวพรรณขาวเปล่งปลั่ง
จึงเป็นผลทำให้ในปัจจุบันมีคอลลาเจนออกมาให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบยี่ห้อ มีทั้งคอลลาเจนผงและคอลลาเจนเม็ด ซึ่งบางคนอาจจะไม่แน่ใจว่าควรเลือกทานแบบไหนถึงจะได้ผลดีกว่ากัน เรามีข้อดี-ข้อเสียของคอลลาเจน 2 ชนิดมาให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสาวๆคะ
คอลลาเจนชนิดเม็ด
– ข้อดี
1. พกพาสะดวก ทานได้ง่าย
2. เก็บรักษาคุณภาพได้ดี
3. เป็นรูปแบบของคอลลาเจนที่นำมาขายในช่วงแรกๆ
– ข้อเสีย
1. ได้ปริมาณของคอลลาเจนน้อยกว่ารูปแบบผง
2. เมื่อเทียบกับแบบผงแล้วจะเห็นผลได้ช้ากว่า
3. สำหรับคนที่ทานยายากอาจจะทานลำบาก
คอลลาเจนชนิดผง
– ข้อดี
1. เมื่อเทียบกับรูปแบบอื่นจะได้ปริมาณคอลลาเจนมากที่สุด
2. สามารถเก็บรักษาคอลลาเจนให้คงสภาพมากที่สุด
3. เห็นประสิทธิภาพได้เร็วมากที่สุด
4. สามารถนำไปรับประทานคู่กับอาหารหรือเครื่องดื่มที่ชื่นชอบได้
5. มีมาตรฐาน สะอาด เพราะส่วนใหญ่จะเก็บในซองแบบปิดสนิทมีซิปล็อกแน่น
6. ไม่มีสารกันบูด
– ข้อเสีย
1. บางยี่ห้ออาจจะใช้น้ำตาลแทนความหวาน
อย่างไรก็ดีเมื่อมาดูคุณสมบัติเรื่องการดูดซึมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ของร่างกายแล้ว คอลลาเจนแบบผงเมื่อนำไปละลายน้ำแล้วดื่ม ร่างกายจะสามารถนำไปใช้งานได้ทันที แตกต่างจากแบบเม็ดที่เราทานเข้าไปต้องใช้เวลารอให้มันละลายเสียก่อนร่างกายถึงจะดูดซึมเข้าไปใช้งานได้ ซึ่งการทานแบบเม็ดอาจจะยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบทานยาเช่นกัน
วิธีการเลือกซื้อคอลลาเจนผงชงดื่มอย่างไรให้ดีที่สุด
ในท้องตลาดด้านความสวยความงามจะพบว่ามีผลิตภัณฑ์คอลลาเจนผงอยู่มากมายหลายยี่ห้อออกมาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อตามความชอบหรือกำลังทรัพย์ จึงทำให้หลายคนตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อคอลลาเจนผงยี่ห้อไหนมาช่วยเสริมความงามดี
ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเราจึงรวบรวมวิธีการเลือกซื้อคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุด มาฝากสาวๆกันคะ
1. ลักษณะของคอลลาเจน
หลายคนอาจจะพอทราบอยู่แล้วว่าภายในร่างการของคนเรามีคอลลาเจนอยู่มากถึง 28 ชนิด ส่วนคอลลาเจนที่มีอยู่มากในร่างกายคือ โทรตีนเมทริกซ์ หรือที่เรียกว่าคอลลาเจน Type ll ซึ่งมีประโยชน์และความสำคัญต่อผิวพรรณเป็นอย่างมาก ช่วยให้ผิวยกกระชับ
หากว่าคุณรับประทานคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสมสม่ำเสมอ จึงนิยมถูกนำมาใช้ในการรักษาริ้วรอยและยังช่วยบรรเทาอาการปวดข้ออักเสบได้อีกด้วย
ฉะนั้นการเลือกซื้อคอลลาเจนผงควรที่จะดูส่วนผสมประเภทนี้เป็นหลักเพื่อให้ได้ประโยชน์ของสุขภาพและการบำรุงผิวพรรณคะ
2. ลักษณะการดูดซึม
การดูดซึมของคอลลาเจนนั้น มักจะมีการคำนวณไว้เป็นเปอร์เซ็น คุณจึงควรเลือกคอลลาเจนผงด้วยการคำนึงถึงถึงค่า bioavailable คือถ้ายิ่งสูงสารอาหารก็จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นตามไปด้วย ในขณะเดียวกันปัญหาอย่างหนึ่งของคอลลาเจนผงก็คือ มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ส่งผลให้การดูดซึมลงเข้าไปสู่ชั้นผิวหนังแท้เป็นสิ่งที่ยาก
ดังนั้นคุณจึงควรเลือกคอลลาเจนผงที่เป็นประเภทเปปไทด์ ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กช่วยให้ดูดซึมง่ายขึ้น และควรพิจารณาค่า Dalton แทนค่าน้ำหนักโมเลกุล เช่นถ้าคอลลาเจนมีขนาดโมเลกุลเล็กมากที่สุดประมาณ 3000-8000 Dalton การดูดซึมของคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายสามารถทำได้ถึง 90-95% เลยเชียวล่
3. ปริมาณที่เหมาะต่อการบริโภค
ควรมีคอลลาเจนที่บรรจุอยู่ในช่วง 5,000 -10,000 มิลลิกรัม ช้อน/ซอง ซึ่งเป็นปริมาณที่ถือว่าเหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย เพราะถ้ารับปริมาณที่มากกว่านี้อาจทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินชนิดอื่นๆได้น้อย เมื่อเป็นอย่างนั้น
แนะนำว่าในแต่ละวันควรรับประทานคอลลาเจนที่ประมาณ 5,000 mg หรือต่อ 1 ช้อนก็เพียงพอแล้วสำหรับคนทั่วไป
4. ประสิทธิภาพของคอลลาเจน
สำหรับสาวๆที่ต้องการความสะดวกสบายแบบเบ็ดเสร็จก็ควรเลือกคอลลาเจนผงที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินชนิดอื่นๆ เพราะนอกจากจะมีส่วนช่วยในการสร้างเสริมคอลลาเจนแล้ว ยังสามารถรับประทานได้ง่าย พกพาสะดวก ไม่ต้องหาเครื่องดื่มมาผสมให้ยุ่งยาก
ที่สำคัญยังช่วยในการดูดซึมคอลลาเจนให้เกิดประสิทธิภาพ 100% กันเลยทีเดียว
เวลาที่เหมาะต่อการรับประทาน collagen
การรับประทานคอลลาเจนสามารถทานได้หลายรูปแบบ อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกกินเวลาไหน แต่แนะนำว่าวิธีที่กินแล้วได้ผลลัพท์ดีที่สุดคือให้กินช่วงเวลาที่ท้องว่าง เช่น ตอนเราตื่นนอน หรือ ก่อนนอน เพราะเมื่อเรากินตอนท้องว่างคอลลาเจนจะถูกดูดซึมร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้ทันที
ฉะนั้นถ้าสาวๆเลือกวิธีทานคอลลาเจนเข้าไปเสริมความงามให้กับผิวพรรณ การเลือกทานคอลลาเจนผงจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการคอลลาเจนเม็ด เพราะทั้งทานได้ง่าย และร่างกายดูดซึมเข้าไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว แบบนี้คงตัดสินใจได้แล้วใช่ไหมล่ะคะ ว่าจะซื้อคอลลาเจนชนิดไหนดี!!
ไขข้อข่องใจ ! กินคอลลาเจนแล้วอ้วน จริง หรือ มั่ว สาเหตุเกิดจากอะไร มาดูกัน
กินคอลลาเจนแล้วอ้วน จริง หรือ มั่ว สาเหตุเกิดจากอะไร มาดูกัน ความอ้วนเกิดขึ้นจากความสมดุลระหว่างมวลไขมันกับกล้ามเนื้อไม่สมดุลกัน สาเหตุมาจากอาหารที่กินเข้าไปมีปริมาณมากเกินความต้องการ ก็จะถูกแปลงสภาพมาเป็นไขมันสะสมในร่างกายตามส่วนต่างๆ
ซึ่งโดยปกติแล้วคอลลาเจนจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการเผาผลาญไขมันที่สะสมอยู่และช่วยเพิ่มความสามารถให้นำเอาไขมันเหล่านี้มาเป็นพลังงานออกมาใช้พร้อมกับสร้างมวลกล้ามเนื้อให้เพิ่มมากขึ้นตามมาโดยลำดับ จึงเป็นคำตอบที่ว่าทำไมกินคอลลาเจนแล้วถึงช่วยลดความอ้วนได้นั่นเอง
กินคอลลาเจนทำไมอ้วน สรุปแล้ว ใช่ หรือ ไม่
กินคอลลาเจนทำไมอ้วน สรุปแล้ว ใช่ หรือ ไม่ มีผลงานวิจัยระบุว่าในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกที่คนเรานอนหลับ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Alpha phase period คือร่างกายจะสร้างมวล กล้ามเนื้อ และสลายไขมันได้อย่างดีที่สุด ฉะนั้นหากทานคอลลาเจนเข้าไปในช่วงก่อนหน้านี้ จะส่งผลให้ตอนหลับร่างกายจะนำไขมันสะสมที่เป็นส่วนเกินเหล่านี้มาเผาผลาญให้อยู่ในรูปของพลังงาน
โดยเป็นการทำงานร่วมกับ Growth Hormone ( ฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นมามากสุดในขณะที่เราหลับ) เผาผลาญไขมันส่วนเกินลดลง และสร้างมวลกล้ามเนื้อเพิ่ม ช่วยให้สัดส่วนกระชับ ทรวดทรงดีขึ้น สำหรับคนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ถึงจะดูผอมลง แต่อาจทำให้ผิวเหี่ยวโทรม แทนที่จะดูสวยสดใส ดันกลายเป็นสาวผอมขี้โรคแทน
ซึ่งคงไม่มีใครต้องการแบบนั้นเป็นแน่ การกินคอลลาเจนเสริมเข้าไปนอกจากจะช่วยกระชับผิวแล้วก็ทำให้น้ำหนักลงแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ผิวหนังได้ปรับให้เข้ากับชั้นไขมันที่หายไปได้ด้วยเช่นกัน สำหรับร่างกายของแต่ละคนต้องการปริมาณคอลลาเจนใน 1 วัน คือ ไม่ต่ำกว่า 3,000 มิลลิกรัม
ดังนั้นคนส่วนมากทั้งผู้หญิงและผู้ชายจึงนิยมเลือกที่จะรับประทานอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจนเพื่อลดความอ้วนกันมากขึ้น จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีผู้ผลิตคอลลาเจนออกมาหลากหลายรูปแบบและยี่ห้อเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นับว่าจะมีมากขึ้น
10 คอลลาเจนจากพืช คอลลาเจนในพืช ผัก หาง่ายใกล้ตัวคุณ
ทราบหรือไม่ว่าเราสามารถหาคอลลาเจนได้จากอาหารสุขภาพทั้งในพืช ผัก และสัตว์ รับรองว่าปลอดภัยหายห่วงเพราะเป็นคอลลาเจนที่ได้มาจากธรรมชาติถือว่าดีที่สุดในโลก ฉะนั้นเรามาลองดูดีกว่าว่าคอลลาเจนมีอยู่ในอาหารชนิดไหนบ้างรวมทั้งเมนูสร้างคอลลาเจนค่ะ
1. ผัก – ผลไม้สีแดง มีคอลลาเจนจากพืช
หากใครที่ชอบรับประทานผักและผลไม้สีแดงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆเพราะในผัก-ผลไม้สีแดงมีไลโคปีนสูงและยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน
รวมทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระปกป้องรังสียูวีอันเป็นตัวการที่จะทำให้ผิวของคุณเสีย ซึ่งจะได้แก่ แตงโม, บีทรูท, มะเขือเทศ, มะละกอ, ส้ม, พริกหยวกแดง, แครอท,ฟักข้าว เป็นต้น โดยพวกผักเหล่านี้ยังนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง ทำให้สาวๆได้ คอลลาเจน จากพืชไปเต็มๆค่ะ
เมนูอาหาร : ส้มตำกรอบแครอท, ไก่ม้วนแตงกวาและแครอท
2. ถั่วเหลือง
ทราบกันหรือไม่ว่าถั่วเหลืองนอกจากจะให้โปรตีนแล้วยังช่วยให้อิ่มสบายท้อง ที่สำคัญยังสร้างเสริมคอลลาเจนอีกด้วย เนื่องจากในถั่วเหลืองมีเจนิสติน (Genistein) ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเต่งตึง ลดรอยตีนกา
เมื่อทราบอย่างนี้เหล่าบรรดาคุณพ่อบ้านหรือแม่บ้านที่ชื่นชอบการทำอาหารขึ้นมาจากถั่วเหลืองหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง คงเริ่มคันไม้คันมืออยากปรุงอาหารแล้วล่ะสิ
3. ถั่ว
ถึงแม้การเคี้ยวถั่วจะทำให้รู้สึกเมื่อยปากไปบ้างแต่รับรองได้ว่ารับคอลลาเจนไปเต็มๆ คอลลาเจนมักจะมีอยู่ในถั่วลิสง, ถั่วเหลือง, ถั่วลันเตา ซึ่งในถั่วนั้นมีกรดที่ชื่อกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) สามารถช่วยในการลดริ้วรอย ทำให้ผิวเนียนใส และนอกจากจะกินแบบอบแห้งหรือแบบทอดแล้วยังนำไปประกอบเมนูอาหารได้หลากหลาย
เมนูอาหาร : ต้มรากบัวกระดูกหมูอ่อนใส่ถั่วลิสง, เครื่องดื่มจากถั่ว เช่น น้ำเต้าหู้
4. ลูกพรุน
โดยปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกันดีว่าลูกพรุนมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยระบายเพราะอุดมไปด้วยกากใยและไฟเบอร์สูง แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกพรุนมีสรรพคุณมากกว่านั้น มีทั้งเหล็ก วิตามิน คอลลาเจน และแคลเซียม
ที่สำคัญคือมีสารต้านอนุมูลอิสระเหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ใสเนียนเพียงแค่กินวันละ 5-6 ลูกทุกวันเท่านั้นก็เริ่มเห็นผลแล้วล่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบกินแบบเป็นลูกจะลองทำเป็นเครื่องดื่มก็ได้เช่นกัน
เมนูอาหาร : สมูทตี้ลูกพรุนกับกล้วยหอม, น้ำลูกพรุน
5. แตงกว่า มะกอกเขียว และมะกอกดำ
สาวๆหลายคนคงจะชอบกินแตงกวาจิ้มกับน้ำพริกหรือแกล้มมากับอาหารจานเดียว ส่วนมะกอกเขียวกับมะกอกดำอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไหร่เพราะมักพบในอาหารสไตล์ฝรั่ง โดยเฉพาะใส่ในพลาสต้าหรือสลัด แล้วทราบหรือไม่ว่าในผัก ผลไม้เหล่านี้อุดมไปด้วยคอลลาเจนและมีวิตามินเอสูง แถมยังนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่างอีกด้วย
เมนูอาหาร : แตงกวาผัดไข่ใส่กุ้งสด, สลัดแตงกวา
6. กระเทียม
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าในกระเทียมก็มีคอลลาเจนอยู่ด้วย ฉะนั้นใครที่เคยรู้สึกยี้กับกระเทียมลองมาเปิดใจรับประทานอาหารที่มีกระเทียมเป็นส่วนผสมดู อย่างเช่น ข้าวผัดกระเทียม เนื้อสัตว์ผัดใส่กระเทียม หรือมื้อเช้าแสนอร่อยแทนที่จะกินโจ๊กโรยต้นหอมเพียงอย่างเดียวก็เพิ่มกระเทียมเจียวลงไปซะหน่อยรับรองอร่อยสุดๆ
เมนูอาหาร : สเต๊กเนื้อซอสกระเทียมพริกไทย หมูกระเทียม
7. สาหร่ายทะเลทุกชนิด
ในสาหร่ายทะเลเกือบทุกชนิดมีส่วนประกอบสำคัญของการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ส่งให้ผิวแลดูเนียนกระชับ และป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์อันเกิดจากการได้รับมลภาวะต่างๆ เช่น ความเครียด สภาพอากาศ เป็นต้น หากใครอยากมีผิวสวยลองหาเมนูจากสาหร่ายทะเลกันดีกว่า
เมนูอาหาร : สลัดสาหร่ายพวงองุ่น ยำแซลมอนกับสาหร่าย
8. เห็ดทุกชนิด
อย่างที่ทราบกันว่าเห็ดมีหลากหลายชนิด ซึ่งในแต่ละชนิดล้วนเต็มไปด้วยโปรตีนและคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะการเพิ่มสรรพคุณในขั้นตอนการเสริมสร้างคอลลาเจนให้กับผิว พร้อมมีสารต้านอนุมูลอิสระในการช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยได้อีกต่างหาก ถ้าอย่างไรเย็นนี้ลองหาเมนูเด็ดจากเห็ดกินกันเถอะคะ
เมนูอาหาร : น้ำแกงมะระใส่เห็ดหอม น้ำพริกเห็ดนางฟ้ากับไข่ต้มยางมะตูม
9. เมล็ดข้าวสาลี
หากใครที่ต้องการลดน้ำหนักแนะนำว่าการกินเมล็ดข้าวสาลีช่วยได้ เพราะในเมล็ดข้าวสาลีมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยเพิ่มกากใย และมีวิตามินหลายชนิด ส่วนที่สำคัญคือสรรพคุณในการยืดอายุคอลลาเจนในร่างกายให้ยาวนานยิ่งขึ้น สามารถนำมาหุงผสมข้าวสวยหรือทำข้าวต้มด้วยก็ได้
10. ผลไม้ที่มีวิตามินซี
บางคนอาจจะรู้สึกแปลกใจว่าวิตามินซีกับคอลลาเจนมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งในความจริงแล้ววิตามินซีก็คือตัวสร้างคอลลาเจน จะช่วยทำให้ผิวเต่งตึงโดยเราสามารถหาวิตามินซีได้จากผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง หรือแม้กระทั่งในสตรอว์เบอรี่ หากใครไม่อยากกินแบบสดๆจะลองแปลงร่างเป็นอาหารได้เหมือนกัน
เมนูอาหาร : น้ำมะนาว สลัดผลไม้
เป็นยังไงกันบ้างคะกับความรู้เรื่อง คอลลาเจนเปปไทด์ ที่เรานำมาฝากกัน เรียกได้ว่าเจาะลึกและจัดเต็มกันไปเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจจะเริ่มรับประทานก็คงจะวางใจได้ เพราะการกินคอลลาเจนอย่างถูกวิธีนอกจากจะทำให้ผิวสวยใสได้แล้วยังทำให้สุขภาพแข็งแรงได้อีกด้วย
อ้างอิงจาก
Collagen Peptides – Uses, Side Effects, and More: https://www.webmd.com/vitamins/ai/ingredientmono-1606/collagen-peptides#:~:text=Collagen%20peptides%20are%20very%20small,in%20the%20skin%20and%20cartilage.
Collagen Supplements: Do Collagen Peptides Really Work?: https://www.houstonmethodist.org/blog/articles/2022/jun/collagen-supplements-do-collagen-peptides-really-work/#:~:text=The%20two%20most%20commonly%20proposed,of%20these%20claims%20is%20limited.
Does Collagen Cause Weight Gain?: https://oneoceanbeauty.com/blogs/live-blue/does-collagen-cause-weight-gain#:~:text=No%2C%20collagen%20does%20not%20cause,cause%20you%20to%20gain%20weight.
13 Foods That Help Your Body Produce Collagen: https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/collagen-food-boost#:~:text=Spinach%2C%20kale%2C%20Swiss%20chard%2C,the%20skin%2C%E2%80%9D%20Gabriel%20says.