ผิวหน้าแห้ง ปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้นดูแลอย่างไรดี ?
ผิวหน้าแห้ง เป็นปัญหาทั่วไปที่นำไปสู่ปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น อาการของผิวแห้งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะรวมถึงปัญหาผิวแห้งแตก อาการคัน หน้าลอก ผื่นหรือรอยแดง เป็นต้น แต่คุณสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพื่อช่วยลดอาการผิวแห้ง และรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้
รวมถึงอาการผิวแห้ง ยังเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่น ๆ เช่น ผิวหนังเกิดการอักเสบหรือขาดความชุ่มชื้นมากก็อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่จริงจังมากขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการรักษาเฉพาะที่ สำหรับในบางรายที่ไม่มีปัญหามากนักและสามารถดูแลรักษาได้ด้วยตนเอง ทางเราก็มีวิธีดูแลผิวหน้าให้ชุ่มชื้นมาแนะนำกัน แต่ก่อนอื่นไปดูกันก่อนเลยว่า ผิวหน้าแห้งนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร
ผิวหน้าแห้ง คืออะไร ?
ผิวหน้าแห้ง คือ การเกิดภาวะสูญเสียน้ำและการผลิตน้ำมันของผิวลดลง ส่งผลให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ซึ่งโดยปกติแล้วผิวหน้าจะมีกลไกผลิตน้ำมันออกมา เพื่อช่วยควบคุมสภาพผิวไม่ให้แห้งเกินไป หากผิวผลิตน้ำมันมากเกินไปก็จะทำให้ผิวหน้ามัน แต่ถ้าผลิตน้ำมันได้ไม่เพียงพอก็จะส่งผลให้ผิวแห้งได้
ผิวแห้ง เป็นปัญหาผิวทั่วไปที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถทำให้ผิวหยาบกร้านและเป็นขุยได้ มีอาการคันตามผิวหนัง ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน หน้าลอกเป็นขุย หน้าแดง และแตกลาย และเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากร่างกายผลิตสารสำคัญที่จำเป็นได้น้อยลง จึงทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงขาดสมดุลในชั้นผิวจนเกิดเป็นปัญหาผิวแห้งตามมา ปัญหาผิวแห้งและปัญหาผิวขาดน้ำจึงเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากผิวหนังขาดความชุ่มชื้น และมีสาเหตุมากมายจากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน
สาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแห้ง
สาเหตุหลักของ ผิวหน้าแห้ง คือ ผิวขาดความชุ่มชื้น และมักทำให้รู้สึกไม่สบายผิว หน้าแห้งตึง ผิวจะหยาบ หรือลอกออกเป็นขุยได้ ในกรณีที่ผิวแห้งอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่ความเสียหายอย่างถาวรต่อผิวหน้าได้ ทั้งนี้ผิวแห้งเป็นปัญหาผิวที่เกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
1.อายุ
อายุที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ผิวหนังอย่างมาก ทั้งความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวและการกักเก็บน้ำไว้ที่ผิวหนังก็ลดน้อยลง ทำให้ผิวหน้าบางลงและเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ง่าย
2.การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
หากดื่มน้ำในแต่ละวันไม่เพียงพอหรือมีการสูญเสียน้ำในภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะหลังจากทำกิจกรรม อยู่ในที่อากาศร้อน หรือหลังออกกำลังกายควรดูแลผิวด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ เพราะการขาดน้ำจะทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ดูไม่สดใส หรือผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น หากปล่อยให้ผิวขาดความชุ่มชื้นเป็นเวลานาน อาจทำให้ผิวเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้
3.การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุที่จำเป็น
สาเหตุหนึ่งของผิวหน้าแห้งคือร่างกายขาดวิตามินหรือแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และซิงค์ เป็นต้น ที่เป็นสารที่ร่างกายต้องการและจำเป็นต่อการบำรุงผิว ผม รวมถึงระบบต่าง ๆ ในร่างกาย หากเราได้รับน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพด้วยเช่นกัน
4.โรคทางผิวหนังหรือโรคประจำตัวอื่น ๆ
ปัญหาผิวหน้าแห้งอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางผิวหนัง เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบ หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ อย่างโรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ รวมถึงการรักษาโรคบางชนิด เช่น การฉายรังสี การล้างไต การใช้ยารักษาสิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น ก็มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ผิวหน้าแห้งได้
5.สภาพอากาศ
คนที่มีปัญหาผิวหน้าแห้ง ส่วนใหญ่มักอยู่ในห้องห้องที่อากาศแห้ง ความชื้นต่ำ หรือห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน ๆ หรือช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง ความชื้นในผิวจึงถูกดึงออก ทำให้ผิวแห้งได้ง่าย
6.แสงแดด
หากเผชิญอยู่กับแสงแดดเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น แห้งหยาบกร้านขึ้น และเป็นตัวการที่ทำลายเซลล์ผิว ตามมาด้วยปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย ดังนั้น ก่อนออกแดดอย่าลืมทาครีมกันแดดและทาซ้ำหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
7.การอาบน้ำอุ่น
การอาบน้ำบ่อย ๆ อาบน้ำอุ่น หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลานาน ๆ จะทำลายไขมันที่เคลือบผิว และทำให้ผิวแห้งเป็นขุยได้
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
หากเลือกใช้เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น มีค่า pH สูงหรือต่ำจนเกินไปก็อาจทำให้สูญเสียไขมันที่เป็นเกาะป้องกันผิวชั้นนอก ทั้งยังอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย เมื่อสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารเคมีจำพวกน้ำหอม สารกันเสีย หรือแอลกอฮอล์ ทำให้ผิวแห้งได้
อาการผิวแห้งจะสามารถสังเกตได้จาก ผิวหน้าเริ่มแห้งตึง ไม่เรียบเนียน และอาจเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นได้ จนมีอาการผิวแดง คัน ลอกเป็นขุย ทำให้รู้สึกไม่สบายผิว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อม อาชีพ วิถีชีวิต อายุ แพ้ยา หรือจากสภาวะอื่น ๆ ในกรณีที่ผิวแห้งไม่รุนแรงก็สามารถปรับปรุงได้ด้วยการใช้บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นขึ้น อย่างไรก็ตาม หากผิวขาดความชุ่มชื้นหรืออักเสบรุนแรงก็ต้องได้รับการรักษาที่จริงจังจากแพทย์ผิวหนังร่วมด้วย
วิธีดูแลและแก้ปัญหาผิวหน้าแห้งให้ได้ผล
สำหรับปัญหาผิวแห้งที่มีอาการไม่รุนแรง ก็มีวิธีดูแลและบำรุงรักษาผิวให้ได้ผล ซึ่งก็มีหลายวิธีในการเพิ่มปริมาณความชุ่มชื้นในผิวได้ ซึ่งการดูแลให้ผิวแข็งแรงขึ้นจะช่วยบรรเทาความรุนแรงของปัญหาหน้าแห้งให้ลดลงได้ โดยแนวทางการดูแลรักษาผิวสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1.ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ
ผู้มีปัญหาผิวหน้าแห้งควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้งหลังล้างหน้าหรืออาบน้ำ เพราะมอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยลดอาการผิวแห้ง ลอก คัน และระคายเคือง เน้นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากขึ้น ซึ่งการเลือกมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า ควรเลือกเป็นครีมหรือเนื้อเจลบางเบา เพื่อลดการอุดตันบนใบหน้า
2.เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวที่อ่อนโยน เหมาะสมกับสภาพผิว และไม่ก่ออาการระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี แอลกอฮอล์ พาราเบน เรตินอยด์ เป็นต้น เพราะสารเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย
3.ไม่ควรใช้น้ำอุ่นล้างหน้า
สำหรับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง ไม่ควรใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจัดในการล้างหน้าหรืออาบน้ำ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งเป็นขุยและสูญเสียน้ำมันบนผิวไป
4.ทากันแดดทุกครั้ง
ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 เป็นอย่างต่ำ และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมงหากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะรังสี UV จะทำให้ผิวอ่อนแอ สูญเสียความชุ่มชื้น และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
5.ทานอาหารที่มีประโยชน์
การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นอีกวิธีในการดูแลผิวจากภายใน อาหารที่ควรเลือกทาน คือ อาหารที่มีวิตามินอี วิตามินซีซิงค์ และโอเมก้า 3 เพราะสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังเกิดความชุ่มชื้น ช่วยชะลอความแก่ ผิวเต่งตึงและไม่แห้งกร้าน เช่น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างส้ม สับปะรด ฝรั่ง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่ ผัก ถั่ว ธัญพืช ผลิตภัณฑ์จากนม และปลาต่าง ๆ เป็นต้น
6.ไม่ควรสครับผิวหน้า
สำหรับคนผิวแห้งไม่ควรเกาหรือสครับหน้าแรง ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าแห้งกร้านมากกว่าเดิม และทำให้ผิวบางลง รวมไปถึงอาจกระตุ้นการอักเสบของผิวได้อีกด้วย ควรเปลี่ยนเป็นการมาส์กเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแทน และหลังจากล้างหน้าควรเช็ดหน้าเบา ๆ เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองกับผิวได้ง่าย
7.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำ คือส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ดื่มน้ำเปล่าช่วยให้ผิวใสและลดสิว ช่วยปรับสมดุลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกาย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิว ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นขึ้นและไม่แห้งกร้าน
8.เลือกผ้าที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว
การเลือกใช้ผ้าที่สัมผัสกับผิวหน้าหรือผิวกายควรเลือกใช้จากวัสดุธรรมชาติอย่างผ้าคอตตอน หรือเลือกเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีน้ำหอมในปริมาณมาก เพื่อลดการระคายเคืองกับผิว
9.หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศแห้ง
การอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้งหรือห้องแอร์นาน ๆ ย่อมทำให้ผิวหน้าสูญเสียสมดุล ให้หลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าวหรือลองใช้เครื่องทำความชื้น เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองที่เกิดจากความแห้งของสภาพอากาศได้
10. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
นอกจากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แล้วควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้ผิวแห้งมากขึ้น เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าแห้ง
สำหรับหลาย ๆ คน ผิวแห้ง อาจเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจและทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ แต่หากมีการดูแลและบำรุงผิวหน้าอย่างถูกวิธีและเหมาะสมก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งการดูแลรักษาปัญหาผิวแห้งนั้นขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของแต่ละคน
หากมีอาการไม่รุนแรงก็มีสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสมได้ อย่างไรก็ตาม หากพบว่า ผิวหน้าแห้ง ไม่ควรปล่อยเป็นเวลานาน โดยไม่ดูแลหรือบำรุงผิว เพราะอาจก่อให้เกิดเป็นโรคผิวหนังที่รุนแรงได้ หากมีปัญหาผิวแห้งรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาอาการได้ทันเวลา
อ้างอิง
- What Causes Dry Skin and How to Treat It. https://www.healthline.com/health/dry-skin
- หน้าแห้งทำยังไงดี? มารับมือกับปัญหาผิวหน้าแห้ง เรียนรู้สาเหตุและวิธีป้องกัน. https://skinx.app/content/skin/dry-skin