อาหารเสริมสุขภาพ 10 อาหารเสริมยอดฮิต เปิดประโยชน์กินแล้วดีจริงมั้ย
การใช้ชีวิตประจำวันอาจทำสุขภาพร่างกายภายในของคุณเสื่อมลง สาเหตุอาจมาจากการทำงานหนักหักโหมมากเกินไป ไม่ออกกำลังกาย ปาร์ตี้หนักเกินไป หรือการมีโรคต่างๆรุมเร้า สาเหตุเหล่านี้อาจส่งผลให้คุณเกิดความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ เมื่อสุขภาพภายในไม่แข็งแรงแล้วยังสะท้อนออกมาภายนอกด้านสีหน้า อารมณ์ ผิวพรรณ ดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การใช้ชีวิตประจำวันของเรา เพื่อรักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรง พร้อมเสมอ!โดยเริ่มจากดูแลสุขภาพจากการรับประทานอาหาร “ อาหารเสริมสุขภาพ ” เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องรับประทานต่อเนื่อง เพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้คงอยู่กับตัวเราตลอดไป
อาหารเสริมผิวขาว Vitamin C
อาหารเสริมผิวขาว Vitamin C อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อะเซโรลาเชอรี่ ฝรั่ง สับปะรด แคนตาลูป น้ำมะนาว และผลไม้รสเปรี้ยวทุกชนิด ผักโขม ผักใบเขียว ดอกกะหล่ำ บล็อกโคลี่ มันฝรั่ง มะเขือเทศ พริกหวาน
พริกไทยติดอันดับ1 วิตามินคู่ใจของใครหลายๆคน สำหรับใครที่เป็นภูมิแพ้อากาศ หรือเป็นหวัดง่าย ช่วยปรับภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ค่อยๆดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ดีทีเดียว แถมยังเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมระดับคอเลสเตอรอลภายในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนเลือด จึงช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ ยังช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นแบบธรรมชาติ *สำหรับใครที่เป็นหวัดง่ายแนะนำให้ทานวิตามินซีอาหารเสริมแบบอัดเม็ดปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ดนะคะ
อาหารเสริมบำรุงร่างกาย ธาตุเหล็ก
อาหารเสริมบำรุงร่างกาย ธาตุเหล็ก อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ตับ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียวเข้มเช่นผักโขม คะน้า ใบแมงลัก ใบกะเพราะ ถั่วฝักยาว เห็ดฟาง ยอดกระถิน ฟักทอง แครอท มะเขือเทศ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ อัลมอนด์ จมูกข้าวสาลี ข้าวหอมนิล ข้าวสายพันธุ์313 พริก กระเทียม ขมิ้น เป็นต้น
ช่วยป้องกันและรักษาโรคโลหิตจาง สร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันอาการร่างกายอ่อนเพลีย และ ผู้ใหญ่ควรรับประทานประมาณ 10 – 15 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้หญิงตั้งครรภ์ 30 มิลลิกรัมต่อวัน
ควรรับประทานพร้อมกับวิตามินซี เนื่องจากวิตามินซีมีส่วนช่วยผลักดันให้ธาตุเหล็กดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว และรับประทานห่างจากวิตามินอี 8 ชั่วโมง *ผู้ที่ดื่มกาแฟหรือชาเป็นประจำ อาจไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กได้
วิตามินบีอาหารเสริม
วิตามินบีอาหารเสริม Vitamin b1 หรือ Thiamin อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ไข่แดง ตับ เครื่องในสัตว์ โยเกิร์ต นม ถั่ว มันฝรั่ง
มีหน้าที่เผาผลาญน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมันให้เป็นพลังงาน มีส่วนช่วยป้องกัน เหน็บชา โลหิตจาง บำรุงประสาทและสมอง กล้ามเนื้อหัวใจ ผู้ใหญ่รับประทานปริมาณ 1 – 1.5 มิลลิกรัม ต่อวันVitamin b3 หรือ Niacin อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน ตับ จมูกข้าวสาลี ไข่ ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียวเป็นต้น
ช่วยกระตุ้นให้เส้นเลือดไหลเวียนดี กระตุ้นให้ระบบเผาผลาญดี มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและสมอง บรรเทาอาการปวดศีรษะจากไมเกรน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ไขมัน ควบคุมน้ำตาลในหลอดเลือดและ บรรเทาอาการโรคซึมเศร้า และมีส่วนช่วยให้สุขภาพผิวของเราดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใหญ่รับประทานปริมาณ 20 มิลลิกรัม ต่อวันVitamin b5 หรือ Pantothenic Acid อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ตับ เมล็ดธัญพืช เนื้อไก่ ไข่แดง รำข้าว บริวเวอร์ยีสต์ วีทเจิร์ม โมลาส น้ำตาลทรายแดงไม่ฟอกสี ข้าวโอ๊ต เนยแข็ง โยเกิร์ต ผลไม้สดหรือผักใบเขียว ผักกาด น้ำอ้อย
มีหน้าที่เปลี่ยนไขมันและน้ำตาลให้เป็นพลังงาน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ รักษาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า ป้องกันการอ่อนเพลียร่างกายจากการผ่าตัด ช่วยเร่งให้แผลหายเร็ว ช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลเป็นฮอร์โมนที่ต่อต้านความเครียด เหมาะสำหรับผู้ใหญ่รับประทานปริมาณ 10 มิลลิกรัม ต่อวันVitamin b 6 หรือ Pyridoxine อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ เนื้อสัตว์ เมล็ดธัญพืชต่างๆ ปลาแซลมอน ไข่ รำข้าว ตับ รำข้าวสาลี ยีสต์ อะโวคาโด เฮลเซลนัท เมล็ดดอกทานตะวันเป็นต้น
ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ มีส่วนช่วยสร้างภูมิต้านทานร่างกายให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ลดอาการชาเป็นตะคริว เหมาะสำหรับผู้ใหญ่รับประทานปริมาณ 1.6 – 2 มิลลิกรัม ต่อวันVitamin B12 หรือ Cobalamin อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่แดง อาหารหมักดองเช่น น้ำปลา เต้าเจี้ยว กะปิเป็นต้น
ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคโลหิตจาง และโรคหัวใจ บำรุงระบบประสาทให้แข็งแรงขึ้น ลดความเครียด เหมาะสำหรับผู้ใหญ่รับประทานปริมาณ 2 มิลลิกรัม ต่อวัน ได้รับประโยชน์สูงสุดเมื่อทานรวมกับแคลเซียม เพราะจะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเร็วขึ้นวิตามินบีรวม หรือวิตามิน B Complex ที่อุดมไปด้วยคุณค่าของวิตามิน B1 B3 B5 B6 B12 วิตามินตัวนี้จะได้รับสารอาหารครบถ้วนเต็มๆ โดยรวมแล้ว วิตามิน B Complex เป็นกลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ ที่มีความสำคัญต่อระบบประสาทและสมอง รวมถึงการรักษาโรคต่างๆเช่นเหน็บชา ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและบำรุงเส้นเลือดให้แข็งแรง *วิตามินบีมีให้ได้เลือกหลายชนิด ผู้บริโภคอาจเลือกรับประทานเป็นวิตามินบีรวมก็มีคุณประโยชน์ครบถ้วนเช่นกัน
อาหารเสริมบำรุงผิว คอลลาเจน
อาหารเสริมบำรุงผิว คอลลาเจน อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก กระดูกอ่อน กรดไขมัน ไข่ขาว โอเมก้า น้ำมะพร้าว ผลไม้สีแดงสด ลูกพรุน ถั่วเหลือง ถั่วฝัก ผักใบเขียว แตงกวา มะกอก ดาร์กช็อคโกแลต ชาขาว หอยนางรม เมล็ดข้าวสาลี สาหร่ายทุกชนิด เห็ดทุกชนิด
คอลลาเจนส่วนใหญ่มีสารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ช่วยยับยั้งการเกิดริ้วรอย ลดอาการของโรคข้อต่ออักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยบำรุงผิวพรรณเนียนใสเปล่งประกาย ชุ่มชื้น เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำไปหล่อเลี้ยงใต้ผิวหนัง ชนิดของวิตามินอาหารเสริมคอลาเจนมีทั้งน้ำ แบบผงชงดื่ม และแบบเม็ดอาหารเสริม
อาหารเสริมบำรุงกระดูก ประโยชน์น้ำมันตับปลา
อาหารเสริมบำรุงกระดูก ประโยชน์น้ำมันตับปลา Cod liver oil ได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่ามันคืออะไร? ทำไมเด็กๆต้องกินบ่อยๆด้วย วันนี้มีคำตอบ…น้ำมันตับปลามีส่วนประกอบสำคัญคือ วิตามินดี ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัสทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น จึงช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง และวิตามินเอ จะช่วยลดการเจ็บป่วยของร่างกายหายไวขึ้น เด็กทุกคนและผู้ใหญ่หลายๆคนจึงนิยมรับประทานกันทั้งแบบน้ำกลิ่นส้มของเด็ก และแบบแคปซูลแบบเม็ดสำหรับผู้ใหญ่
อาหารเสริมแคลเซียม
อาหารเสริมแคลเซียม อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ผักใบเขียว ใบชะพลู ใบยอ สะเดา คะน้า เมล็ดธัญพืช และเต้าหู้
อาหารเสริม จะเป็นสารสกัดมาจากกระดูกอ่อนปลาฉลาม นำมาบดละเอียดอุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงขึ้น ป้องกันโรคกระดูกพรุน ลดอาการปวดหลังเรื้อรัง บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ผู้ใหญ่ควรรับประทานวันละ 1,200 มิลลิกรัม สตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร1,200 – 1,500 มิลลิกรัม ผู้สูงอายุ 1,500 มิลลิกรัม ควรทานแคลเซียมร่วมกับแมกนีเซียมตอนมื้อค่ำได้ผลดีที่สุด โดยเฉลี่ยให้แคลเซียม 2 ส่วน แมกนีเซียม 1 ส่วน
ข้อเสีย ไม่ควรรับประทานแคลเซียมเกิน 2,500 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดแคลเซียมในเลือดสูงได้ ส่งผลให้ท้องผูก และมีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นนิ่วในไต ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
-
แมกนีเซียมอาหารเสริม
แมกนีเซียมอาหารเสริม อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ผักใบเขียว ข้าวกล้อง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ อัลมอนต์ มะเขือเทศ กล้วย ฝรั่ง ถั่วลิสง งาในมะม่วงหิมพานต์ช่วยการเผาผลาญแคลเซียม วิตามินซี เผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงาน ลดคอเลสเตอรอล ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงประสาทและสมอง บรรเทาอาการปวดประจำเดือน เหมาะสำหรับวัยทอง ผู้ที่มีอาการร้อนวูบวาบตามร่างกาย ควรได้รับแมกนีเซียมในปริมาณ 250 มิลลิกรัม ซึ่งจะออฤทธิ์เพียง 150 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น แนะนำให้รับประทานพร้อมอาหารมื้อเช้า * ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ อาจมีผลให้แมกนีเซียมในร่างกายต่ำลง
วิตามินอีอาหารเสริม
วิตามินอีอาหารเสริม อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ แอลมอล เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดทานตะวัน อะโวคาโด กีวี มะละกอ มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี่ แก้วมังกร ผักป๋วยเล้ง ผักกาดดอง ลูกมะกอก น้ำมันมะกอก มันฝรั่ง กะหล่ำปลี
เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดซึ่งนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงการมีบทบาทด้านการแพทย์ช่วยรักษาอาการของโรคโลหิตจาง โรคขาดสารอาหาร ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ละความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ และยังช่วยลดโรคอัลไซเมอร์เหมาะสำหรับวัยทำงานและวัยสูงอายุ
วิตามินอาหารเสริมมีให้เลือกทั้งแบบน้ำมันและแคปซูล ผู้หญิงต้องรับประทานวันละ 10 มิลลิกรัม ควรทานวิตามินอีหลังมื้อเช้าทันทีได้ผลดีที่สุด
อาหารที่มีวิตามินเอ
อาหารที่มีวิตามินเอ อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ นม ตับ นมพร่องมันเนย ชีส เนื้อสัตว์ ปลา มันฝรั่ง พริกหยวก3สี บล็อกโคลี่ ถั่วเหลือง งา ถั่วงอก ข้าวโพด แครอท มะม่วงน้ำดอกไม้และเขียวเสวย ชมพู่ กล้วย อะโวคาโด
มี 2 ชนิดคือ 1.ชนิดรับประทาน ช่วยสร้างภูมิต้านทานระบบทางเดินหายใจ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น 2.ชนิดครีมทา ที่สาวๆ รู้จักกันทุกคนในนามของ Retin-A สามารถลบเลือนจุดด่างดำ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวให้หายเร็วขึ้น
อาหารเสริมและวิตามินดี
อาหารเสริมและวิตามิน วิตามินดี อาหารเสริมจากธรรมชาติ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมกเคอเรล ตับวัว ไข่แดง เนย เห็ดบางชนิด นมวัว นมถั่วเหลือง
วิตามินดี “วิตามินแดด” ตื่นเช้ามารับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นทำให้สมองปลอดโปร่ง พร้อมรับแสงแดดอ่อนๆไม่เกิน 10 โมงเช้าจะช่วยผลักดันให้การดูดซึมของแคลเซียม และฟอสฟอรัสสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟันให้แข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยในเมืองที่มีหมอกควันมลพิษหนาแน่น ควรได้รับวิตามินดีเพิ่ม และในทางตรงกันข้ามผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณที่มีแดดน้อยควรได้รับวิตามินดีเพิ่มเช่นกัน
วิตามินดี ที่เป็นอาหารเสริมส่วนใหญ่ดัดแปลงมากจากน้ำมันตับปลาปริมาณที่ควรทาน 400 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และไม่ควรเกิน 1,800 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
ประโยชน์ของวิตามินหลากชนิด อาหารเสริมบำรุงร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม!
รู้กันไปแล้วว่ามีอาหารเสริมสุขภาพมีประเภทไหน ประโยชน์คร่าวๆ และหาได้จากอาหารประเภทไหนบ้าง ต่อมาเราลองมาดูประโยชน์ของวิตามินกันแบบเจาะลึกบ้าง กินแล้วดีมั้ย มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ลองไปดูกันเลยค่ะ
วิตามินเอหรือเรตินอล (Retinol)
ประโยชน์ของวิตามินเรตินอล ช่วยให้เกิดการแบ่งเซลล์ที่เหมาะสมของร่างกาย ช่วยในการมองเห็น รวมถึงการเจริญเติบโตของเส้นผม กระดูกและฟัน ถ้าร่างกายขาดวิตามินเอจะเป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคตาบอดกลางคืน และกระจกตาแห้ง อาจทำให้เป็นโรคตาฟาง แต่ถ้าร่างกายได้รับมากจนเกินไปจะทำให้เกิดอาการผมร่วง ผิวแห้งหรือผิวลอก อาเจียน ความดันในสมองเพิ่มขึ้น การเจริญของกระดูกผิดปกติ ถ้าตั้งครรภ์อยู่อาจทำให้แท้งหรือทารกที่คลอดออกมาพิการได้ค่ะ
วิตามินบี 1 หรือไทอะมีน (Thiamine)
มีประโยชน์ต่อกระบวนการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานให้กับร่างกาย โดยเฉพาะพวกแป้ง หากร่างกายขาดวิตามินบี 1 อาการที่เราสังเกตได้ง่ายๆ ก็คือ โรคเหน็บชา นอกจากนี้ยัเป็นอาหารเสริมบำรุงสมองเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเดิน การรับความรู้สึกต่างๆ บกพร่องไป ถ้าได้รับเกินขนาดจะถูกขับออกจากร่างกาย ไม่สะสมค่ะ
วิตามินบี 2 หรือไรโบเฟลวิน (Riboflavin)
มีประโยชน์ในการสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงานให้กับร่างกาย โดยเฉพาะไขมัน ถ้าได้รับไม่เพียงพอจะทำให้มีอาการปากนกกระจอก มีอาการแสบที่คอ อาการอักเสบที่ลิ้น แต่ถ้าได้รับมากเกินไปก็จะไม่ส่งผลอันตรายใดๆ เพราะร่างกายจะขับออกไป ไม่เกิดการสะสมเช่นเดียวกัน
วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin)
มีประโยชน์ในการช่วยลดปริมาณไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด บรรเทาอาการปวดไมเกรน และช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศ หากมีการสะสมวิตามินบี 3 ในร่างกายมากเกินไปจะเกิดอาการเป็นพิษต่อตับ แต่ถ้าได้รับไม่เพียงพอจะมีอาการเป็นผื่นที่ผิวหนังอย่างรุนแรง เกิดการแพ้แสงที่เรียกว่าโรค Pellagra ได้
วิตามินบี 5 หรือกรดแพนโทเทนิก (Pantothenic acid)
มีประโยชน์ในการช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายและช่วยในการสร้างฮอร์โมนต้านความเครียด ถ้าขาดวิตามินบี 5 จะเกิดอาการ Parathesia คัน แสบร้อนตามผิวหนัง นอนหลับไม่สนิท และหากได้รับมากเกินไปจะทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้
วิตามินบี 6 หรือไพริดอกซิน (Pyridoxine)
มีประโยชน์ในการรักษาโรคภาวะก่อนการมีประจำเดือน (Premenstrual Syndrome) โรคหัวใจและสิว ถ้าร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้มีอากรภาวะโลหิตจาง ชนิด Anemia คือมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ และระบบประสาทเสียหาย ส่วนใหญ่พบได้ที่เท้าและขา แต่ถ้าสะสมในร่างกายมากเกินไปจะส่งผลให้ปลายประสาทถูกทำลาย ทำให้เสียการทรงตัว ไม่รู้สึกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
วิตามินบี 7 หรือไบโอติน (Biotin)
มีประโยชน์ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยให้เล็บแข็งแรง ป้องกันการหลุดร่วงของผมและเล็บ ถ้าได้รับมากเกินไปจะถูกขับออกจากร่างกาย ไม่มีการสะสมค่ะ แต่ถ้าได้รับไม่เพียงพอจะทำให้เกิดการอักเสบเป็นจุดเล็กๆ ในลำไส้เล็ก เกิดผื่นแดงและการอักเสบของผิวหนังค่ะ
วิตามินบี 9 หรือกรดโฟลิก (Folic acid)
มีประโยชน์ในการช่วยหลั่งสารเซโรโทนิน (Serotonin) ป้องกันมะเร็งปากมดลูก แล้วยังช่วยในด้านความจำอีกด้วยนะคะ ถ้าร่างกายขาดกรดโฟลิกจะทำให้เกิดความผิดปกติกับทารกในครรภ์ ทำให้พิการแต่กำเนิด กรดโฟลิกจึงสำคัญสำหรับทารกในครรภ์มาก ดังนั้นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อย่าลืมปรึกษาคุณหมอเรื่องนี้ด้วยนะคะ แต่ถ้ามีมากเกินไปในร่างกายจะทำให้เนื้อเยื่อเติบโตอย่างผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งได้ ส่วนใหญ่พบที่ ปอด และต่อมลูกหมาก
วิตามินบี 12 หรือโคปาลามิน (Cobalamin)
มีประโยชน์ในการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และช่วยให้กระบวนการเผาผลาญของร่างกายเป็นไปอย่างปกติค่ะ ถ้าได้รับไม่เพียงพอ ร่างกายจะมีภาวะการสร้างเม็ดเลือดในไขสันหลังผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะเลือดจางได้ค่ะ แต่ถ้าได้รับมามากเกินความต้องการ ร่างกายก็จะขับออก ไม่เกิดการสะสมไว้ค่ะ
วิตามินซีหรือกรดแอสโครบิค (Ascorbic acid)
มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน เป็นอาหารเสริมลดสิว ช่วยให้ผิวใส ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกาย ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งและโรคอื่นๆ ค่ะ หลายคนคุ้นเคยกันแล้วว่าถ้าขาดวิตามินซีจะทำให้เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม บาดแผลหายช้ากว่าปกติ แต่ถ้ากินเข้าไปเยอะๆ จนเกินความต้องการของร่างกายก็จะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร เกิดการดูดซึมธาตุเหล็กมากเกินไป ทำให้สะสมตามข้อต่อ เกิดปัญหาเรื่องข้อต่อได้ สาวๆ คนไหนที่กินวิตามินซีเพราะอยากผิวขาวขึ้น ก็ควรปรึกษาเภสัชกรให้ดีก่อนกินนะคะ
วิตามินดีหรือเออร์โกแคลซิเฟรอล (Ergocalciferol)
ประโยชน์ของวิตามินดี วิตามินดีหากได้ทำงานร่วมกับแคลเซียมก็จะช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก และป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง ถ้าขาดวิตามินดี ร่างกายก็จะดูดซึมแคลเซียมได้ไม่ดี ทำให้กระดูกไม่แข็งแรง แตกหักง่าย แต่ถ้าได้รับมากเกินไปร่างกายก็จะมีอาการขาดน้ำ อาเจียน ความอยากอาหารลดลง หงุดหงิดง่าย ท้องผูก เมื่อยล้าและกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
วิตามินอีหรือโทโคฟีรอล (Tocopherols)
มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ เราจะคุ้นเคยกับการที่ครีมลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีอยู่ใช่ไหมคะ แต่ถ้าหากร่างกายขาดวิตามินอีจะส่งผลให้เกิดการทำลายเม็ดเลือดแดงก่อนอายุขัยทำให้เกิดภาวะเลือดจาง แบบ Hemolytic anemia ได้ และถ้าได้รับมากเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการหัวใจวายได้เลยทีเดียว
วิตามินเคหรือฟิลโลควิโนน(Phylloquinone)
ประโยชน์ของวิตามินเค ช่วยเพิ่มมวลกระดูกและจำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด ถ้าขาดวิตามินเคไป เลือดจะแข็งตัวช้า หรือจะไหลไม่หยุด ทำให้เสียเลือดมาก ผู้ป่วยโรคโลหิตจางจึงต้องดูแลไม่ให้ร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้ แต่ถ้าได้รับมากกเกินไปก็จะไม่มีการสะสมให้เกิดอันตราย ร่างกายจะขับส่วนที่ไม่ได้ใช้ออกไปเองค่ะ
จะเห็นได้ว่าบางชนิดถ้าได้รับมากหรือน้อยเกินไปจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายของเรา ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อหรือกินวิตามินไม่ว่าจะเป็นชนิดใดควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรว่าเหมาะสมหรือไม่ ควรกินในปริมาณเท่าไหร่และนานแค่ไหน รวมถึงถ้ามีโรคประจำตัวหรืออาการแพ้ยา ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนกินวิตามินเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง
วิตามินอาหารเสริมแต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ที่ดีต่างกันไป ผู้บริโภคควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน อย่าลืม!ออกกำลังกายควบคู่ไปกับทานอาหารที่มีประโยชน์ และศึกษาแหล่งผลิตอาหารเสริมที่มีมาตรฐานสากล รับประกันปลอดสารปนเปื้อนทุกชนิด เพื่อที่เราจะได้รับประทานอาหารเสริมที่มีคุณค่าและไม่อันตราย ปลอดภัย 100% www.bkkbeauty.com ส่งต่อสุขภาพที่ดีถีงมือคุณ
อ้างอิงจาก
These Are The Most Popular Supplement: https://whatsgood.vitaminshoppe.com/most-popular-supplements/
7 Popular Supplements That May Have Hidden Dangers: https://www.everydayhealth.com/news/supplements-risks-every-women-should-know/
11 Benefits of Taking Vitamins: https://www.ghp-news.com/11-benefits-of-taking-vitamins/
What are vitamins, and how do they work?: https://www.medicalnewstoday.com/articles/195878